บทความที่ได้รับความนิยม

Happy Cake มิติใหม่เบเกอรี่ ทำเองได้ ขายความสนุก


ใครเคยทำขนมเค้กด้วยตัวเอง คงรู้ดีว่า กว่าจะทำเสร็จต้องผ่านขั้นตอนต่างๆ หลายชั้น

ใช้อุปกรณ์หลายชิ้น ประกอบกับต้องมีเคล็ดลับเฉพาะตัวถึงจะได้เค้กออกมาเนื้อนุ่มฟู รสชาติหอมหวานอร่อย

จากปัญหาความยุ่งยากในการทำดังกล่าว จุดไฟให้ “วิเชียร วงษ์สุรไพฑูรย์” กรรมการผู้จัดการบริษัท เส้นหมี่เหรียญไทย จำกัด สร้างสรรค์ “Happy Cake” นวัตกรรมใหม่ขนมเค้กทำได้ง่ายๆ แค่ใส่ส่วนผสมสำเร็จรูปลงไปถ้วย แล้วเข้าไมโครเวฟ 2.5 นาที ก็จะออกมาเป็นขนมเค้กชั้นยอดพร้อมกินได้ทันที

วิเชียร เล่าว่า บริษัทผลิตสินค้าต่างๆ เกี่ยวกับแป้ง ในยี่ห้อ “สิงห์ดาว” (STAR LION) มาตั้งแต่รุ่นปู่ พ่อ จนมาถึงเขารับช่วงกิจการ พยายามต่อยอดธุรกิจ คิดค้นสินค้านวัตกรรมจากแป้งออกสู่ตลาดต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2540 เช่น เส้นหมี่ข้าวกล้อง เส้นขนมจีนอบแห้ง ฯลฯ เพื่อสร้างจุดเด่น และขยายตลาดสู่ต่างประเทศ


หลักคิดเพื่อก้าวสู่เวทีโลกนั้น เจ้าของธุรกิจ เผยว่า พยายามพัฒนาวัตถุดิบแป้งในประเทศให้สามารถทำเมนูสากลได้ ซึ่งพฤติกรรมผู้บริโภคชาวตะวันตกจะกินเบเกอรี่หรือเค้กเป็นหลัก แป้งที่ใช้ทำ คือ “แป้งสาลี” ส่วนประเทศไทยต้องนำเข้าแป้งสาลี ปีละหลายหมื่นล้านบาท ทั้งๆ ที่ “แป้งข้าวเจ้าไทย” มีคุณสมบัติสามารถทำเค้กได้ดีไม่แพ้กัน

นอกจากนั้น จากการศึกษาพบว่า ในแป้งสาลีมีสาร “กลูเต็น” ซึ่ง 2 ใน 1,000 คน จะมีอาการแพ้เป็นผื่นคันหรือลมพิษได้ ขณะที่แป้งข้าวเจ้าปลอดจากสารตัวนี้100% จึงเห็นช่องทางจะใช้จุดนี้ผลักดันแป้งข้าวเจ้าใช้ทำเค้กทดแทนแป้งสาลี ซึ่งนอกจากจะเป็นโอกาสของบริษัทแล้ว ยังมีส่วนช่วยเกษตรกรไทยอีกด้วย

วิเชียร ขยายความอีกว่า นวัตกรรมการผลิตแป้งเค้กข้าวเจ้า เป็นความร่วมมือระหว่างบริษัทกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มีส่วนผสมจากแป้งข้าวเจ้า 3-4 สายพันธุ์ ใช้เวลาวิจัยและพัฒนานานกว่า 4 ปี ด้วยทุนกว่า 10 ล้านบาท โดยเปิดตัวครั้งแรกเมื่อกลางปี 2550 ในแบบผงแป้งเค้กข้าวเจ้าบรรจุกล่อง ส่งออกไปกว่า 10 ประเทศทั่วโลก เช่น กลุ่มอียู ออสเตรเลีย เป็นต้น

และล่าสุด ได้ทุ่มงบอีกกว่า 10 ล้านบาทต่อยอดนวัตกรรมมาทำเป็นเค้กที่ทุกคนเองอย่างง่ายๆ ในรูปแบบ “ควิกคัพเค้ก”(Quick Cup Cake) แบรนด์ “Happy Cake”โดยเป็นถ้วยพลาสติก ภายในมีผงแป้งเค้กข้าวเจ้า และช็อกโกแลตก้อนบรรจุซอง ขั้นตอนการทำง่ายๆ เพียงเท นมสด น้ำมันพืช ไข่ไก่ 1 ฟอง และผงแป้งเค้กข้าวเจ้าลงในถ้วย คนให้เข้ากันแล้วนำเข้าไมโครเวฟ ระดับความร้อนสูงสุด แค่ 2.5 นาที ก็จะออกมาเป็นก้อนเค้กพร้อมกิน แล้วนำช็อกโกแลตก้อนมาละลายบนก้อนเค้กร้อนๆ เพื่อแต่งหน้า นอกจากนั้น สามารถพลิกแพลงนำเครื่องเคียงอื่นๆ มาประดับเพื่อสร้างสีสันเพิ่มความอร่อยยิ่งขึ้น

เจ้าของธุรกิจ ยอมรับว่า รูปแบบ “ควิกคัพเค้ก” ในต่างประเทศมีมานานพอสมควรแล้ว ทว่า บริษัทเป็นผู้ผลิตชาวไทยรายแรก และยังเป็นรายแรกในโลกที่ใช้วัตถุดิบแป้งจาก “ข้าวเจ้า” อีกทั้ง กระบวนทำของ Happy Cake พัฒนาให้ง่ายกว่าที่เคยมีมา

จุดเด่นอีกด้านของ Happy Cake อยู่ที่ความสนุกสนาน ผู้ทำสามารถแต่งหน้าเค้กด้วยตัวเอง หรือทำเค้กกับสมาชิกในครอบครัว ถือเป็นช่วงเวลาแห่งอบอุ่นที่ทุกคนได้ใช้เวลาร่วมกัน

“ผมมีความเชื่อว่า ผู้หญิงที่รักการทำขนมทุกคน อยากทำขนมเค้กเป็น ดังนั้น จึงช่วยเพิ่มความสะดวก เมื่อทำเสร็จจะเกิดความภาคภูมิใจ หรือเด็กๆ ที่ทำอาหารไม่ เป็นเลย แต่อยากทำเค้กมอบให้คุณพ่อคุณแม่ในวาระพิเศษๆ ด้วยตัวเอง ก็สามารถทำได้ รวมถึง อยากจะแต่งหน้าเค้กหรือดัดแปลงเค้กอย่างไรก็ได้ ตามจินตนาการ ซึ่งเป็นเสน่ห์ที่ทำให้ทั้งคนทำและผู้รับมีความสุขร่วมกัน” วิเชียร กล่าว

ด้านรสชาตินั้น ผ่านการวิจัยและพัฒนาจนได้รสชาติที่เชื่อว่า คนส่วนใหญ่จะถูกปาก ได้รับเครื่องหมาย “เชลล์ชวนชิม” การันตี ขณะที่ด้านการผลิตผ่านมาตรฐานด้านอาหารครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น อย. ฮาลาล GMP HACCP เป็นต้น

ทั้งนี้ ราคาขายอยู่ ที่ ถ้วยละ 69 บาท (น้ำหนัก 135 กรัม) มีด้วยกัน 4 รส ได้แก่ เค้กวานิลาหน้าช็อกโกแลตขาว เค้กวานิลาช็อกโกแลตดำ เค้กมอคคา และเค้กช็อกโกแลต สามารถเก็บไว้นานเป็นปี มีจุดขายใน ซูเปอร์มาร์เกตตามห้างสรรพสินค้าต่างๆ วางกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย คือ ตั้งแต่เด็ก วัยรุ่น ผู้ใหญ่ กลุ่มครอบครัว และร้านกาแฟต่างๆ ซื้อไปบริการลูกค้าในร้าน เป็นต้น

วิเชียร เผยด้วยว่า แม้จะเปิดตัวไม่นาน Happy Cake ได้ผลตอบรับน่าพอใจ ทั้งตลาดในและต่างประเทศ เพราะเริ่มแรกผู้บริโภคต้องการซื้อประสบการณ์จากความเป็นสินค้าแปลกใหม่ เมื่อได้ทดลองแล้ว เกิดความประทับใจ ช่วยเติมเต็มความต้องการ โดยเฉพาะคนเมือง ซึ่งยากจะมีโอกาสทำเค้กได้เอง ลูกค้ากลุ่มนี้จึงกลับมาซื้อซ้ำไว้ประจำครัวเรือน

ส่วนแผนการตลาดในปีนี้ (2551) จะใช้ Happy Cake เป็นหัวหอกในการบุกตลาดต่างประเทศ เน้นที่การสร้างเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายให้ครอบคลุมมากที่สุด ตั้งเป้าคืนเงินลงทุนได้ภายใน 3 ปี อีกทั้งไม่หยุดนิ่งที่จะออกสินค้านวัตกรรมใหม่จากแป้งต่อเนื่อง

“แม้ปัจจุบันการทำธุรกิจต่างๆ จะต้องพบปัจจัยลบมากมาย แนวทางที่พาบริษัทฝ่าวิกฤตไปได้ ผมพยายามปรับองค์กรสู่การสร้างนวัตกรรม ซึ่งเป็นการลงทุนที่ประหยัดและคุ้มค่ามากที่สุด ถ้าวันนี้ผมยังยึดกับการทำแป้ง หรือเส้นหมี่อย่างเดียว การค้าทุนนิยมก็จะขับเราออกจากตลาด ดังนั้น ผมจึงเน้นสร้างนวัตกรรมใหม่จากพื้นฐานธุรกิจเดิม เพื่อเพิ่มมูลค่า และจุดเด่นเฉพาะตัว อย่าง Happy Cake ผมขอแค่ผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย ซื้อกินเดือนละ 1 ครั้ง ก็เป็นตลาดที่ใหญ่มากสำหรับเราแล้ว”

ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น


จำนวนการดูหน้าเว็บรวม