บทความที่ได้รับความนิยม

‘หน้ากากบีบีกัน’ จับกระแสรวยเป็นล้าน

อาชีพผลิตสินค้างานประดิษฐ์นอกจากจะต้องรู้จักดัดแปลง-พลิกแพลงแล้ว การมองหาตลาด-เลือกกลุ่มลูกค้าก็เป็นเรื่องสำคัญ อย่างเช่นธุรกิจผลิต “หน้ากาก” สำหรับใส่เล่นกีฬายิงปืน “บีบีกัน” ที่ว่ากันว่ากำลังมาแรงในขณะนี้ ก็เป็นหนึ่งในกรณีศึกษาน่าสนใจ ซึ่งวันนี้ทีม “ช่องทางทำกิน” ก็มีข้อมูลมานำเสนอ..อาชีพเสริม

ธรรมรงค์ อินทะพันธุ์ เจ้าของงานเล่าว่า ตนเองเพิ่งเริ่มเล่นกีฬายิงปืนบีบีกัน ซึ่งกฎระเบียบของทุกสนามจะคล้ายกันคือ ผู้เล่นต้องสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันใบหน้าและดวงตาขณะลงเล่น ซึ่งหน้ากากส่วนใหญ่ที่ผู้เล่นใส่ก็มักจะเป็นหน้ากากพลาสติกที่เรียกกันว่า หน้ากากสก็อต หน้ากากลิง รวมถึงแว่นตา จึงคิดว่าน่าจะลองนำงานหน้ากากจำลองซึ่งที่บ้านทำอยู่ และส่วนใหญ่มักขายเป็นสินค้าของตกแต่ง เช่น หน้ากากตุ๊กตาญี่ปุ่น, หน้ากากรูปปิศาจ มาพัฒนาได้ เพื่อฉีกรูปแบบหน้ากากแบบเดิม ๆ โดยใช้ชื่อสินค้าของตนเองว่า “มาสค์โม”

เจ้าของงานไอเดียเล่าต่อไปอีกว่า แรก ๆ เป็นการทำขึ้นเพื่อทดลองใช้งานใส่เองในกลุ่มเพื่อน ๆ ต่อมาเริ่มมีคนสนใจและสอบถามว่าซื้อได้ที่ไหน พอทราบว่าเป็นของผลิตเองจึงทำให้มีการสั่งจอง โดยเริ่ม ทำขายจริงจังสักประมาณ 3-4 เดือนที่ผ่านมา โดยขายผ่านเว็บไซต์ www.siambbgun.com และจัดส่งสินค้าทางพัสดุไปรษณีย์ ซึ่งไม่ต้องมีหน้าร้าน และเน้นผลิตงานตามคำสั่งซื้อของลูกค้าเป็นหลัก

รูปแบบของหน้ากากบีบีกันที่มีจำหน่ายในปัจจุบัน มี 4 แบบ คือ หน้ากากคาบูกิ, หน้ากากกะโหลก, หน้ากากฮีท, หน้ากากวีฟอร์เด็ทต้า โดยแต่ละแบบจะแบ่งเป็นชนิดเต็มหน้า กับแบบครึ่งหน้า ราคาอยู่ที่ชิ้นละ 599 บาท จนถึง 999 บาท โดยหน้ากากแบบฮีทและหน้ากากคาบูกิจะค่อนข้างได้รับความนิยมมากในขณะนี้

“มีการดีไซน์ให้เหมาะกับรูปแบบการเล่นของกีฬาบีบีกัน เช่น ตรงบริเวณตาจะเจาะรูให้กว้าง และใส่ตะแกรงเหล็กป้องกันลูกกระสุนพลาสติกของปืน” ธรรมรงค์ เจ้าของงานหน้ากากประดิษฐ์กล่าว

อีกจุดเด่นของงาน ธรรมรงค์บอกว่า จะเน้นที่ความแฟนซี คือลูกค้าส่วนใหญ่ในกลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มวัยรุ่นที่ชอบสีสันและความแปลกใหม่เป็นหลัก อย่างไรก็ตาม จุดสำคัญของงานชิ้นนี้ นอกจากความแฟนซีแล้ว ในฐานะนักเล่นบีบีกันคนหนึ่งด้วยเขาบอกว่า “ความปลอดภัย” “ความคงทน” ก็เป็นเรื่องที่มองข้ามไม่ได้

“ตัวหน้ากากจะ มีการเสริมใยแก้วลงไประหว่างชั้นของเรซิ่นและไฟเบอร์กลาส เพื่อให้ทนทานแข็งแรง ไม่แตกหักหรือเป็นรูง่าย ๆ สีที่ใช้ก็คุณภาพเดียวกันกับสีพ่นรถยนต์ จะมันวาว ลดแรงปะทะของกระสุนบีบีกัน”

ทุนเบื้องต้นสำหรับทำหน้ากากขาย ใช้ประมาณ 5,000 บาท ก็ทำได้ ส่วนใหญ่เป็นค่าน้ำยาและอุปกรณ์ที่จำเป็น ถ้าใครมีอุปกรณ์บางชิ้นอยู่แล้ว ต้นทุนก็ลดลงไป ส่วนทุนวัตถุดิบอยู่ที่ประมาณ 60% จากราคาขาย

วัตถุดิบนั้นก็ประกอบด้วย น้ำยาเรซิ่น, น้ำยาไฟเบอร์กลาส, ใยแก้ว, ตะแกรงเหล็ก, สายคาด, สีสเปรย์, สีอะคริลิก (ใช้เพนท์ลวดลายหน้ากาก), อุปกรณ์สำหรับตกแต่งตามต้องการ และเชลแล็กเคลือบผิว

ขณะที่อุปกรณ์ที่จำเป็นก็มี เครื่องเจียผิว, เครื่องขัด, สว่านไฟฟ้า

ขั้นตอนการทำ เริ่มจากออกแบบหน้ากากที่ต้องการ จากนั้นทำการขึ้นแม่พิมพ์ของตัวพิมพ์จากดินสำหรับปั้น เมื่อได้แม่พิมพ์แล้วให้นำปูนปลาสเตอร์มาทาบริเวณด้านในของแม่พิมพ์ให้ทั่วจนได้ความหนาที่ต้องการ จากนั้นทิ้งไว้ให้แห้ง จึงค่อย ๆ แกะออกจากแม่พิมพ์ ก็จะได้ตัวพิมพ์ สำหรับขึ้นเรซิ่นไฟเบอร์กลาส

เมื่อได้ตัวพิมพ์หน้ากากแล้ว ให้นำน้ำยาเรซิ่นไฟเบอร์กลาสทาให้ทั่วบริเวณด้านในของตัวพิมพ์ โดยเมื่อทาเสร็จชั้นหนึ่งก็ให้นำใยแก้วที่เตรียมไว้แปะลงไป จากนั้นจึงทาเรซิ่นทับอีกชั้นหนึ่ง โดยทำอย่างนี้ประมาณ 4-5 ครั้งจนครบ จากนั้นรอให้แห้ง ใช้เวลาประมาณครึ่งวันถึงหนึ่งวัน (ถ้าต้องการย่นเวลาก็อาจใช้น้ำยาเร่ง โดยถ้าใช้น้ำยาเร่งก็จะใช้เวลาเพียง 4-5 นาทีก็ใช้งานได้แล้ว) เมื่อเรซิ่นแห้งตัวก็แกะออกจากตัวพิมพ์
จากนั้นนำมาขัดผิวด้วยเครื่องเจียและเครื่องขัด เพื่อทำให้ผิวหน้ากากเรียบ

ขั้นตอนการลงสี ขั้นตอนนี้สีจะดี-ไม่ดีขึ้นอยู่กับว่าเรซิ่นที่หล่อเป็นหน้ากากแห้งสนิทหรือไม่ ถ้าเรซิ่นไม่แห้ง สีที่พ่นไปอาจเกิดการหลุดร่อนในภายหลังหรือขณะใช้งาน การลงสีให้ลงสีรองพื้นชั้นหนึ่งก่อน ทิ้งไว้ให้แห้ง จากนั้นจึงลงสีจริงอีกครั้งหนึ่ง เมื่อสีแห้งจึงนำไปตกแต่งลวดลายด้วยสีอะคริลิก ทิ้งไว้แห้ง จากนั้นจึงประกอบสายคาดหน้ากาก และตกแต่งตามต้องการ เป็นอันเสร็จขั้นตอนการทำ

ใครต้องการติดต่อ ธรรมรงค์ อินทะพันธุ์ โทร. 08-0205-9417, 0-2982-8220 หรือที่อีเมล momojung321@hotmail.com ซึ่งใครที่สนใจอยากจะรู้รายละเอียดลึก ๆ เกี่ยวกับสินค้า “หน้ากากบีบีกัน” หรืออยากจะฝึกทำ ก็ลองสอบถามจากเจ้าของงานได้โดยตรง.

ศิริโรจน์ ศิริแพทย์ รายงาน

ขอบคุณเดลินิวส์
http://www.dailynews.co.th

ข้าวมันไก่พันธ์ใหม่ 'ข้าวมันไก่พะโล้'

ข้าวมันไก่ล่าสุด อาชีพค้าขายอาหารถ้าพลิกแพลงดัดแปลงพัฒนาเมนูใหม่ ๆ ให้เป็นทางเลือกใหม่ของลูกค้า อาจจะสร้างรายได้ให้กับผู้คิดค้นได้เป็นอย่างดี เหมือนผู้ที่คิดเมนู “ข้าวมันไก่พะโล้” และ “กวยจั๊บเป็ดพะโล้” ที่ทีม “ช่องทางทำกิน” ไปเสาะหาข้อมูลมานำเสนอให้ลองพิจารณากันในวันนี้...

สุวิทย์ พรรณราย หรือ หลวง แห่งร้านเป็ดดอนหวาย (ศิษย์วัดดอนหวาย) สาขาแยกสวนสมเด็จ เล่าว่า เป็นคนที่ชอบการทำอาหาร และทำงานเกี่ยวกับอาหารมาตั้งแต่สมัยยังเรียนไป-ทำงานไป โดยเริ่มจากเป็นพนักงานเสิร์ฟ ผู้ช่วยเชฟ อาศัยศึกษาจดจำ ไม่รู้ตรงไหนก็จะถาม จนพัฒนาฝีมือขึ้นเป็นเชฟ เคยทำงานหลายที่ และภายหลังก็ออกมาทำร้านอาหารเป็นของตัวเอง ซึ่งก็ได้รับการตอบรับดีจากลูกค้า อย่างไรก็ตาม ในยุคที่เจอปัญหาเรื่องพิษเศรษฐกิจราวปี 2540 ร้านอาหารที่ทำอยู่เริ่มไปไม่ไหว จนต้องปิดกิจการไป

“ในช่วงนั้นพอดีมีโอกาสได้ไปนมัสการเจ้าอาวาสวัดดอนหวาย และได้ยินว่าเป็ดที่นี่อร่อย จึงคิดจะเปิดร้านเป็ดวัดดอนหวายที่กรุงเทพฯ โดยใช้คำว่าศิษย์วัดดอนหวายต่อท้าย เพราะเห็นว่าที่กรุงเทพฯ ยังไม่มีใครเปิด”

ด้วยความที่มีฝีมือทางด้านการทำอาหารอยู่แล้วจึงไม่ยากในการทำ “เป็ดพะโล้” ซึ่ง เคล็ดลับที่สำคัญคือการ “ต้มให้มีความหอม-นุ่มอร่อย” หลังจากเปิดร้านก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ซึ่งนอกจากจะขายเป็ดพะโล้ ก๋วยเตี๋ยวเป็ด ยังคิดค้นเมนูใหม่ ๆ ออกมาให้ลูกค้ามีตัวเลือกมากขึ้น

เมนูล่าสุดของร้านนี้คือ “ข้าวมันไก่พะโล้” “กวยจั๊บเป็ด”

ข้าวมันไก่พะโล้ก็เปลี่ยนจากไก่ต้มมาเป็นไก่พะโล้ ส่วนกวยจั๊บเป็ดก็เปลี่ยนมาใช้เส้นกวยจั๊บแทนเส้นก๋วยเตี๋ยว เปลี่ยนจากหมูมาใช้เป็ด แต่ทั้ง 2 เมนูนั้นก็ยังสำคัญอยู่ที่การต้มไก่และเป็ดให้หอม-ให้เนื้อนุ่ม

วัตถุดิบที่ต้องใช้ในการต้มหรือตุ๋นนั้น แบ่งออกได้ดังนี้ พวกเครื่องยาจีนก็มี... โสมตังกุย 2 ขีด, ไม้หอม (อบเชย) 1/2 ขีด, โป๊ยกั๊ก 1 ขีด, เก๋ากี๊ 1/2 ขีด, ลูกจันทน์ 1/2 ขีด, เม็ดผักชี 1/2 ขีด พวกสมุนไพรไทยก็มี... ข่า 2 ขีด, ตะไคร้ 4-5 ต้น, กระเทียมกลีบเล็ก, ใบเตย, มะตูมอบแห้ง ส่วนเครื่องปรุงประกอบด้วย... ซีอิ๊วขาว, ซอสปรุงรส, น้ำมันหอย, ซีอิ๊วดำ, น้ำกระเทียมดอง, เกลือเม็ด, ผงพะโล้, เหล้าขาว

ขั้นตอนการทำ... เริ่มจากนำไก่หรือเป็ดไปล้างทำความสะอาด โดยต้องล้างให้สะอาดจริง ๆ เอามันที่ติดอยู่บริเวณก้นของไก่และเป็ดออกให้หมด เลือดที่อยู่ภายในตัวไก่และเป็ดก็ต้องล้างออกให้เกลี้ยง เพราะถ้าล้างออกไม่สะอาดเวลา ต้มออกมาแล้วจะทำให้มีกลิ่นสาบ และทำให้ไก่และเป็ดนั้นเสียเร็วด้วย

หลังจากล้างทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว ก็เตรียมน้ำสำหรับตุ๋น โดยตั้งน้ำ นำสมุนไพรจีนทั้งหมด และสมุนไพรไทยบางตัวคือกระเทียมกลีบทุบพอแตกและมะตูมอบแห้ง ใส่รวมลงไปในห่อผ้าขาวบาง มัดปากห่อให้เรียบร้อย ใส่ลงไปต้ม ส่วนข่าและตะไคร้ให้ทุบพอหยาบ และใบเตยจับมัดให้เป็นกอ ใส่ตามลงไป

จากนั้นปรุงรสด้วยเครื่องปรุงทั้งหมด ยกเว้นน้ำมันหอยและผงพะโล้ ใช้ไฟแรงต้มจนน้ำเดือดจัด แล้วก็ใส่น้ำมันหอยและผงพะโล้ลงไปคนให้ละลายเข้ากันกับน้ำ จากนั้นก็ลดไฟลงมาให้อยู่ในระดับปานกลาง ใส่ไก่หรือเป็ดลงไปตุ๋นโดยจับเวลาด้วย ถ้าเป็นไก่ก็ใช้เวลาประมาณ 45 นาที ส่วนเป็ดเนื้อเหนียวกว่าใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง เท่านี้ก็จะได้ไก่และเป็ดไว้สำหรับทำข้าวมันไก่พะโล้และกวยจั๊บเป็ด

ตามสัดส่วนที่ว่ามาข้างต้นสามารถตุ๋นไก่หรือเป็ดได้ประมาณ 5 ตัว ต้นทุนในส่วนของเป็ดตัวละประมาณ 270 บาท ขณะที่ไก่ตัวละประมาณ 190 บาท

สำหรับการทำ “น้ำซุปก๋วยเตี๋ยว-กวยจั๊บ” นั้น ก็ใช้เครื่องปรุงและเครื่องเทศยาจีนและสมุนไพรไทยเหมือนการทำน้ำตุ๋น เพียงแต่ถ้าทำน้ำซุปก๋วยเตี๋ยวไม่ต้องใส่เหล้าขาว

การหุง “ข้าวมัน” ใช้กระเทียม กลีบเล็กมาปั่นกับน้ำมันพืชให้ละเอียด จากนั้นก็นำไปเจียวพอให้กระเทียมหอม นำข้าวสารไปล้างซาวน้ำให้สะอาด นำกระเทียมที่เจียวไว้, เกลือผง, น้ำตาลทราย, ผงปรุงรส ลง คลุกเคล้ากับข้าวจนละลายเข้ากัน จากนั้นเติมน้ำใส่ใบเตย แล้วนำไปหุงให้สุก

“ข้าวมันไก่พะโล้” ขายจานละ 30 บาท ส่วน “กวยจั๊บเป็ด” ชามละ 35 บาท ต้นทุนประมาณไม่เกิน 70%

ใครสนใจ “ข้าวมันไก่พะโล้-กวยจั๊บเป็ดพะโล้” รวมถึง ก๋วยเตี๋ยวเป็ด-เป็ดพะโล้ ของร้านเป็ดดอนหวาย (ศิษย์วัดดอนหวาย) สาขาแยกสวนสมเด็จ ร้านนี้อยู่ใกล้แยกสวนสมเด็จ ถ้ามาจากดอนเมือง พอถึงแยกสวนสมเด็จก็เลี้ยวขวา แล้วไปกลับรถ ร้านอยู่ข้างทางซ้ายมือ สอบถามเส้นทาง โทร. 08-5963-2284.

ที่มา เดลินิวส์ http://www.dailynews.co.th/

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม