บทความที่ได้รับความนิยม

‘ข้าวเหนียวมูนธัญพืช’ ขนมหวานแสนอร่อย


ขายได้ทั้งปี-ขายดีช่วง ‘กินเจ’

ในยุคที่เศรษฐกิจตกสะเก็ด ถ้าใครมัวแต่ย่ำอยู่กับสิ่งเดิม ๆ ก็คงไปไม่รอดแน่ ซึ่งกับการค้าขายนั้นการสร้างจุดขายและไอเดียที่แปลกใหม่เป็นสิ่งจำเป็นมาก และสำหรับตัวอย่าง “ช่องทางทำกิน” รายนี้ ก็มีไอเดียดี ๆ มีสินค้าน่าสนใจ ซึ่งกับ “เทศกาลกินเจ” ที่ใกล้จะมาถึง สินค้าตัวนี้ก็มีโอกาสขายดิบขายดียิ่งขึ้น...

เฉลิมพันธ์ เจษฎาพงศ์ภักดี หรือ เจ๋ง ทายาทร้านแม่เก่ง ขายข้าวเหนียวมูนสมุนไพรแฟนซี และ “ข้าวเหนียวมูนธัญพืช” เจ้าตัวเล่าให้ฟังว่า ธุรกิจนี้เป็นธุรกิจครอบครัว ที่ได้ระดมความคิดและลองผิดลองถูกในการทำข้าวเหนียวมูนร่วมกันมา สุดท้ายก็มาลงตัวกับรสชาติปัจจุบัน เป็นที่ถูกอกถูกใจของผู้ที่ได้ลิ้มลอง

เจ๋งเองก็โตมาพร้อม ๆ กับธุรกิจข้าวเหนียวมูน รู้ขั้นตอนการผลิตและการขายทุกอย่าง และตอนนี้ก็ได้เข้ารับช่วงสานต่อธุรกิจนี้ โดยกำลังศึกษาระดับปริญญาตรีบริหารธุรกิจ เพื่อจะนำความรู้มาพัฒนาธุรกิจต่อไป

“ข้าวเหนียวสมุนไพรแฟนซี เป็นแนวคิดของผม เป็นไอเดียที่นำสีจากสมุนไพรธรรมชาติมาผสมเพื่อสร้างสีสันและความแตกต่าง โดยทำเป็น 9 สี 9 รส สีม่วงจากอัญชัน, สีเหลืองจากขมิ้น, สีเขียวจากใบเตย, สีส้มจากแครอท, สีแดงจากบีทรูท, สีดำจากข้าวเหนียวดำ, สีชมพูจากดอกเฟื่องฟ้า และสีเนื้อจากแก่นฝาง เมื่อทำออกมาขายในตลาด กระแสตอบรับดีมาก ๆ จนระยะหลัง ๆ ก็มีคนลอกเลียนเยอะเหมือนกัน”

เจ๋งเล่าต่อไปว่า ต่อมาได้มีการพัฒนาสินค้า จนเกิดเป็น “ข้าวเหนียวมูนธัญพืช” ซึ่งจากกระแสรักสุขภาพ ก็มีลูกค้าสนใจมาก และในช่วง “เทศกาลกินเจ” เมื่อปีที่แล้ว ก็ขายดิบขายดี จนต้องทำต่อเนื่อง ซึ่งก็จะมีทั้ง ข้าวเหนียวมูนลูกเดือย, ข้าวเหนียวมูนแปะก๊วย, ข้าวเหนียวมูนเม็ดบัว, ข้าวเหนียวมูนถั่วเหลือง, ข้าวเหนียวมูนเผือก, ข้าวเหนียวมูนงาม่อน, ข้าวเหนียวมูนถั่วแดง, ข้าวเหนียวมูนกลอย

สำหรับการทำข้าวเหนียวมูนขาย อุปกรณ์ที่ต้องใช้หลัก ๆ ก็มี... เตาแก๊ส, ลังถึง, ไม้พาย, หม้อสเตนเลส, ถังน้ำ, กะละมังขนาดใหญ่, ถาด, มีด, ทัพพี, กระชอน, กระทะ, ผ้าขาวบาง ฯลฯ

ส่วนวัตถุดิบทำ “ข้าวเหนียวมูนธัญพืช” ถ้าใช้ข้าวเหนียวเขี้ยวงู 10 กก. จะใช้มะพร้าวขูดขาว 18 กก., น้ำตาลทรายขาว 6 กก. และลูกเดือย เผือก ถั่วแดง แปะก๊วย เป็นต้น

ขั้นตอนการทำ “ข้าวเหนียวมูนธัญพืช” เช่น ลูกเดือย แปะก๊วย เผือก และถั่วแดง เริ่มจากนำข้าวเหนียวมาแช่น้ำทิ้งไว้ 3 ชั่วโมง แล้วซาวล้างให้สะอาด นำไปใส่ลังถึงนึ่ง โดยรองด้วยผ้าขาวบาง เกลี่ยข้าวเหนียวให้ทั่ว นึ่งน้ำเดือดไฟแรงประมาณ 45 นาที เพื่อให้เมล็ดข้าวเหนียวอ่อนนุ่ม

ธัญพืชต่าง ๆ ให้แยกนึ่งแต่ละชนิด ลูกเดือย ให้นำไปแช่น้ำทิ้งไว้ 3 ชั่วโมง แล้วซาวล้าง จากนั้นนำไปต้มสัก 10 นาที ตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำแล้วนำไปนึ่งพร้อมกับข้าวเหนียว, แปะก๊วย ล้างให้สะอาด นำไปนึ่งพร้อมกับข้าวเหนียว, เผือก ทำการปอกเปลือก แล้วล้างให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นเล็ก นำไปนึ่งพร้อมกับข้าวเหนียว ส่วนถั่วแดง นำไปแช่น้ำ 3 ชั่วโมง ล้างให้สะอาด แล้วนำไปต้ม 15 นาที ให้เม็ดนิ่ม แล้วจึงนำไปนึ่งพร้อมข้าวเหนียว

ระหว่างที่รอข้าวเหนียวสุก ทำการคั้นมะพร้าวด้วยน้ำต้มสุกจนได้หัวกะทิสดที่เข้มข้น

นำหัวกะทิสดที่ได้มาแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกใช้ในการมูนข้าวเหนียว โดยนำน้ำกะทิมาเติมน้ำตาลทราย เกลือ ให้รสชาติออกหวานเค็มพอดี ๆ ใช้ทัพพีคนส่วนผสมให้ละลายเข้ากัน แล้วทำการกรองน้ำกะทิด้วยผ้าขาวบางอีกรอบให้สะอาด นำขึ้นตั้งไฟพอเดือด ยกลงตั้งพักไว้ เมื่อข้าวเหนียวที่นึ่งกับธัญพืชสุก เทใส่กะละมัง นำน้ำกะทิที่เตรียมไว้เทราดลงในข้าวเหนียวธัญพืชที่ยังร้อน ๆ ใช้ไม้พายช่วยมูนให้ข้าวเหนียวกับน้ำกะทิเข้ากันจนทั่ว แล้วปิดฝาทิ้งไว้ประมาณ 20 นาทีเพื่อให้ความร้อนจากข้าวเหนียวดูดซึมน้ำกะทิให้แห้ง

น้ำกะทิอีกส่วน นำมาผสมแป้งข้าวโพด น้ำตาลทราย เกลือนิดหน่อย ชิมรสชาติตามชอบ นำขึ้นตั้งไฟใช้ความร้อนปานกลาง คนไปเรื่อย ๆ ไม่ให้กะทิแตกมัน พอเดือดยกลง ก็จะได้กะทิสำหรับราดข้าวเหนียวเพื่อเพิ่มรสชาติ และก็ต้องทำถั่วเขียวซีกคั่วไว้สำหรับโรยหน้าข้าวเหนียวมูนด้วย ซึ่งจุดเด่นข้าวเหนียวมูนร้านแม่เก่งคือจะมีรสชาติหวานมันกลมกล่อม ข้าวเหนียวไม่แฉะ ตอนรับประทานรสชาติยังคงติดลิ้น

ข้าวเหนียวมูนทุกอย่างของร้านนี้ ขาย กก.ละ 120 บาท โดยมีต้นทุนประมาณ 50% จากราคาขาย

ร้านข้าวเหนียวมูนร้านนี้อยู่ปากซอยหมู่บ้าน ต.รวมโชค 33/496 ซอยโชคชัย 4 (54) ถนนลาดพร้าว กรุงเทพฯ โทร. 08-9881-2349, 08-9889-8891, 0-2538-3331 ใครสนใจซื้อ สนใจจะสั่งไปขายต่อ ก็เชิญได้ตามสะดวก ซึ่งกับ “เทศกาลกินเจ” ที่ใกล้จะมาถึง “ข้าวเหนียวมูนธัญพืช” ก็เป็นอีกสินค้าที่มีแนวโน้มสดใส.

เชาวลี ชุมขำ : รายงาน/จเร รัตนราตรี : ภาพ
ขอบคุณที่มาจาก เดลินิวส์

‘ผัดไทย-กระเพาะปลา’ เลิศรส

‘สูตรเจ’ ทำง่าย-ขายคล่อง

“ผัดไทย” และ “กระเพาะปลา” ในช่วงเวลาปกติถือเป็นเมนูจานเดียวที่ขายคล่อง และสำหรับ “เทศกาลกินเจ” ที่กำลังจะมาถึง ทั้ง 2 เมนูนี้ก็สามารถพลิกแพลงเป็น “สูตรเจ” ได้ไม่ยาก โดยวันนี้ทางทีมงาน “อาชีพเสริม ช่องทาง ทำกินของสำหนักพิมพ์เดลินิวส์” ก็มีสูตร “ผัดไทยเจ” และ “กระเพาะปลาเจ” มานำเสนอให้ลองพิจารณากัน...

สำหรับสูตรการทำอาหารเจทั้ง 2 เมนูนี้ ได้ อาจารย์เฉลิมชาติ ประไพ อาจารย์สอนทำอาหารเจที่มีประสบการณ์ เป็นผู้ถ่ายทอดความรู้เทคนิควิธีทำ โดยอาจารย์เฉลิมชาตินั้นกินเจมาตั้งแต่อายุ 17 ปี เนื่องจากมีปัญหาเรื่องสุขภาพจึงหันมาสนใจเรื่องสุขภาพด้วยการกินเจนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ซึ่งจากการที่กินเจมานาน มีโอกาสเข้าทำงานในโรงเจบ่อย จึงได้เรียนรู้วิธีทำอาหารเจ ลองฝึกหัดทำด้วยตัวเองจนเชี่ยวชาญ มีการดัดแปลงให้อาหารเจมีความร่วมสมัยมากขึ้น คิดค้นทำอาหารมากมายหลากหลาย เพื่อไม่ให้อาหารเจเป็นอาหารที่จำเจ

หลังจากที่มีฝีมือทางด้านการทำอาหารเจ ก็ทำอาหารเจไปขายตามห้างสรรพสินค้า ซึ่งก็ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี และภายหลังก็ผันตัวเองเป็นอาจารย์สอนทำอาหารเจด้วย

“อาหารเจนั้นทำไม่ยาก วิธีการทำก็จะคล้ายกับการทำอาหารที่มีเนื้อสัตว์ทั่วไป เพียงแต่เปลี่ยนจากเนื้อสัตว์เป็นโปรตีนเกษตร เปลี่ยนน้ำปลาเป็นซีอิ๊ว และใช้น้ำมันพืชแทนน้ำมันหมู”

อาหารเจอย่าง “ผัดไทยเจ” และ “กระเพาะปลาเจ” นั้น ก็เป็นอีก 2 เมนูที่ทำง่าย-ขายคล่อง สามารถทำขายได้ทั้งปี และจะขายดีที่สุดในช่วงเทศกาลกินเจ โดยอุปกรณ์ในการทำก็สามารถใช้อุปกรณ์ที่มีอยู่ในครัวเรือนได้ เพียงแต่ต้องล้างทำความสะอาดให้หมดจด และไม่ใช้ร่วมกับการทำอาหารที่มีเนื้อสัตว์

“ผัดไทยเจ” อาจารย์เฉลิมชาติบอกว่า วัตถุดิบที่ใช้ทำก็มี...เส้นผัดไทย, เต้าหู้, ถั่วฝักยาว, ถั่วงอก, น้ำมันพืช, ซอสมะเขือเทศ, น้ำตาลปี๊บ, เกลือป่น, น้ำมะขามเปียก, หัวปลี, ถั่วลิสงคั่วบด, มะนาว

วิธีทำผัดไทยเจ เริ่มจากนำเส้นผัดไทยไปแช่ในน้ำเพื่อให้เส้นนิ่ม ตั้งกระทะใส่น้ำมันใช้ไฟอ่อน เพราะถ้าใช้ไฟแรงอาจจะไหม้ได้ จากนั้นใส่ซอสมะเขือเทศ น้ำตาลปี๊บ เกลือป่น น้ำมะขามเปียก และผงซุปเจ ลงไปในกระทะ เคี่ยวไปเรื่อย ๆ ชิมให้ได้รสชาติออกหวานอมเปรี้ยว

สำหรับน้ำมะขามเปียกนั้นไม่ควรใส่เยอะ เพราะจะทำให้เส้นดำ ดูไม่น่ารับประทาน

เคี่ยวไปจนขึ้นฟอง จากนั้นก็ใส่เต้าหู้ที่หั่นเป็น 4 เหลี่ยม และใส่ถั่วฝักยาวลงไป อาจจะใส่โปรตีนเกษตรด้วย หรือจะไม่ใส่ก็ได้ ใส่เส้นที่แช่น้ำแล้วตามลงไป ทำการผัดคลุกเคล้าให้ซอสเข้าเส้นผัดไทย

ทำการปรุงรสตามต้องการ เมื่อได้รสชาติที่ต้องการก็ใส่ถั่วงอกลงไปผัดด้วยเป็นลำดับสุดท้าย ตักขึ้นใส่จาน หรือกล่อง ใช้ถั่วลิสงคั่วบดโรยหน้า นำหัวปลีหั่นเสี้ยวและมะนาวหั่นเป็นซีกวางข้าง ๆ

เท่านี้ก็พร้อมเสิร์ฟ “ผัดไทยเจ” โดยราคานั้นถ้าใส่กล่องเล็ก ๆ ตั้งราคาที่ 10 บาท จะขายคล่อง

ต่อไปเป็น “กระเพาะปลาเจ” อาจารย์เฉลิมชาติบอกว่า วัตถุดิบที่ ใช้ทำกระเพาะปลาเจ ประกอบด้วย... แป้งหมี่กึง (กระเพาะปลาเจ), ยอดมะพร้าว หรือหน่อไม้ก็ได้, เห็ดฟาง หรือเห็ดนางฟ้า, เห็ดหอม, เห็ดหูหนู, รากผักชี, เครื่องยาจีนสำเร็จรูป, ซีอิ๊วดำ, ซีอิ๊วขาว, ผงซุปเจ, แป้งมัน, ลูกชิ้นเจ, ไก่ฝอยเจ

ส่วนเครื่องปรุงรสสำหรับลูกค้าก็มี ซีอิ๊วขาว, น้ำตาลทราย, จิกโฉ่ว และพริกน้ำส้ม

ขั้นตอนการทำเริ่มจาก... นำแป้งหมี่กึงไปทำการแช่น้ำและใช้มือนวดบีบ เปลี่ยนน้ำประมาณ 7 ครั้ง จนความขุ่นของแป้งออกไปและแป้งนิ่ม จากนั้นก็บีบให้แป้งกึงสะเด็ดน้ำ นำแป้งกึงที่สะเด็ดน้ำแล้วไปทอดในน้ำมันให้กรอบ ควรใช้ไฟอ่อน ๆ ในการทอด ทอดได้ที่แล้วก็ตักขึ้นพักไว้

ลำดับถัดมาก็นำน้ำสะอาดใส่หม้อตั้งไฟ ใส่แป้งหมี่กึงที่ทอดแล้วลงไปต้มในหม้อ นำยอดมะพร้าว เห็ดฟางหรือเห็ดนางฟ้า เห็ดหอม เห็ดหูหนูซึ่งทั้งหมดหั่นให้เป็นเส้นแล้ว ใส่ตามลงไป แล้วใส่ลูกชิ้นเจ ไก่ฝอยเจ รากผักชี เครื่องยาจีนสำเร็จรูป ตามลงไป เคี่ยวด้วยไฟปานกลางไปเรื่อย ๆ

ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว ซีอิ๊วดำ ผงซุปเจ พอน้ำเดือดก็นำแป้งมันที่ละลายน้ำใส่ลงไปพอประมาณ กะดูไม่ให้น้ำเหนียวเกินไป หรือเหลวเกินไป เท่านี้ก็เรียบร้อย สำหรับ “กระเพาะปลาเจ”

เวลาขายก็ใส่กระทะทองเหลืองตั้งไฟอ่อน ๆ อุ่นไปขายไป ขายได้ในราคาชุดละ 30 บาท

“ผัดไทยเจ” และ “กระเพาะปลาเจ” ตามสูตรนี้ มีต้นทุนอยู่ที่ประมาณ 50% จากราคาที่ตั้งขาย ผู้ที่สนใจจะใช้ 2 เมนูนี้เป็น “ช่องทางทำกิน...ช่วงเทศกาลกินเจ” ก็ลองฝึกทำกันดู ส่วนใครต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับอาหารจากอาจารย์เฉลิมชาติมากกว่านี้ ก็ลองติดต่อสอบถามกันโดยตรงที่ โทร.08-9140-1145

อาหารเจนี้ ถ้ารู้จักพลิกแพลง ก็ทำขายได้ตลอดทั้งปี

บดินทร์ ศักดาเยี่ยงยงค์ : รายงาน

หนังสือพิมพ์ เดลินิวส์

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม